WordPress เป็น CMS ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ระบบบางอย่างต้องการการปรับแต่งสำหรับ WordPress โดยเฉพาะ เช่น การ cache ฯ หากเลือก Hosting ที่เหมาะสมกับ WordPress จะทำเว็บไซต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนโดยรวม
สิ่งที่ WordPress Hosting ควรมี
ไม่แออัด Hosting ราคาถูกมักจะใส่เว็บไซต์จำนวนมากไว้ที่ server เดียวกัน ทำให้แย่งกันใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีผู้ใช้หนาแน่น ทำให้เว็บโหลดช้า รอโหลดนาน หรือขึ้น error
PHP 8.0 ขึ้นไป มี PHP ให้เลือกใช้หลาย version เพราะบางเว็บยังไม่สามารถ upgrade เป็น version สูงๆ ได้
Opcode caching คือระบบแคชประเภทหนึ่งที่จะ precompiled script bytecode ไว้ในหน่วยความจำของเซิร์ฟเวอร์ที่เรียกว่า cache ดังนั้นทุกครั้งที่ผู้ใช้เยี่ยมชมหน้าเว็บ ระบบจะโหลดเร็วขึ้น
Redis สำหรับ cache ที่ฐานข้อมูล database ตัวนี้สำคัญมากเพระที่ WordPress โหลดช้าส่วนใหญ่จะช้าที่การ query database ซึ่ง Redis จะช่วยจบปัญหานี้ไป ทำให้ TTFB ผ่านเกณฑ์ Google PageSpeed ช่วยให้อันดับ SEO ดีขึ้นมาก
ประมวลผลเร็ว Hosting หลายที่ค่า Ping Test เร็วมาก แต่ประมวลผลช้าทำให้ TTFB ช้าตามไปด้วย
ใช้ระบบ LiteSpeed หรือ OpenLiteSpeed Server เพราะมีประสิทธิภาพดีที่สุด ดีกว่า Apache และ nginx หลายเท่าตัว
SSL Certificate ยุคนี้ต้องมีมาตรฐาน SSL เป็นขั้นต่ำ Hosting ส่วนใหญ่ควรมี SSL ให้ใช้งานฟรี เช่น Let’s Encrypt
Ping Test โดยเฉลี่ยไม่ควรเกิน 100ms
Time to First Byte (TTFB) ไม่ควรนานเกิน 200 ms หรือ 0.2 วินาที เป็นการวัดระยะเวลาที่ Browser ของผู้ใช้งานรอรับเนื้อหาของเว็บไซต์ ตามคำแนะนำจาก Google Pagespeed
เลือกใช้ตัวจัดเก็บข้อมูลเป็น Gen 4 PCIe NVMe SSD storage ซึ่งเร็วกว่า SSD แบบเก่าถึง 10 เท่าตัว